มาห์เรซ เหมาสองพาเรือทุบ เปแอสเช เข้าชิง ชปล. สำเร็จ

 

ริยาด มาห์เรซ โชว์ฟอร์มเก่งทำคนเดียวสองประตู พาเรือใบสีฟ้า แมนฯ ซิตี เปิดบ้านย้ำแค้น ปารีส แซงต์ แชร์กแมงไป 2-0 รวมสองนัดชนะ 3-1 ผ่านเข้าไปรองชิง ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของสโมสร

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง คืนวันอังคารที่ 4 พฤษภาคม 2564 “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยักษ์ใหญ่แห่งประเทศอังกฤษ เปิดเอติฮัด สเตเดียม รับการมาเยือนของ “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอดทีมแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส

ผลการแข่งขันในการเจอกันนัดแรกเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่บุกไปเอาชนะ เปแอสเช มาได้ก่อน 2-1 กุมความได้เปรียบจากอเวย์โกลอยู่ 2 ประตู

เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไร้ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ นำทัพมาโดย เควิน เดอ บรอยน์, ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเดน, แบร์นาร์โด ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ และกาเบรียล เฆซุส มีชื่อเป็นตัวสำรอง

ขณะที่ “เปแอสเช” ของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ เกมนี้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ หัวหอกตัวเก่ง สภาพไม่ฟิตสมบูรณ์ มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง โดยใช้ เนย์มาร์, เมาโร อิคาร์ดี้ และอังเคล ดิ มาเรีย เป็น 3 ประสานในเกมรุก โดยมี มาร์ควินญอส กับ เปรสเนล คิมเพมเบ้ คุมเกมรับ

“เปแอสเช” เกือบจะได้ลูกจุดโทษตั้งแต่นาทีที่ 6 ของการแข่งขันจากจังหวะเปิดบอลทางกราบซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลดูเหมือนจะตกใส่แขนของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ทีแรกผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษ แต่เมื่อไปดูภาพจาก VAR แล้วปรากฎว่าบอลไปโดนหัวไหล่ จึงไม่ได้จุดโทษจากจังหวะนี้

นาทีที่ 11 แมนฯ ซิตี้ ที่ถึงแม้จะบุกน้อยกว่า แต่มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เอแดร์สัน วางบอลยาวจากประตูมาให้ ซินเชนโก้ หลุดมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ปาดเข้ากลางให้ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไปติดกองหลังทีมเยือน บอลเด้งมาเข้าทาง ริยาด มาห์เรซ แปด้วยขวาผ่านมือ เคย์เลอร์ นาบาส เข้าไป

หลังเสียประตู ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พยายามเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่องเพื่อหวังทวงประตูคืนให้ได้ แต่ยังหาโอกาสจบสกอร์เหมาะๆไม่ได้ หมด 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0

ครึ่งหลัง “เปแอสเช” ยังเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสลุ้นประตูหลายครั้งจากการปั้นเกมของทั้ง เนย์มาร์ และอังเคล ดิ มาเรีย แต่จังหวะจบสกอร์ยังทำกันได้ไม่ดีพอ

นาทีที่ 63 กลายเป็นเจ้าถิ่นแมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะสวนกลับ ฟิล โฟเดน ทำชิ่ง 1-2 กับเควิน เดอ บรอยน์ จนหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนปาดมาที่เสาสองให้ ริยาด มาห์เรซ ซัดระยะเผาขนเข้าไป

นาทีที่ 69 สถานการณ์ของ “เปแอสเช” ก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เมื่ออังเคล ดิ มาเรีย ปีกชาวอาร์เจนไตน์ ไปเล่นนอกเกมเจตนาเหยียบใส่ข้อเท้าของ แฟร์นันดินโญ่ ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทำให้ยอดทีมจากฝรั่งเศสต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-0 รวมผลสองนัด 4-1 ส่งให้ “เรือใบสีฟ้า” ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร โดยเป็นการผ่านเข้าชิงฯ ฟุตบอลยุโรปอีกครั้งในรอบ 51 ปี หลังจากพวกเขาเคยเข้าชิงฯ ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1970 และทำให้พวกเขามีลุ้นคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนี้

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์สัน (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, แฟร์นันดินโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน, ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเดน

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง : เคย์เลอร์ นาบาส (GK), อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, มาร์ควินญอส, เปรสเนล คิมเพมเบ้, อับดู ดิยัลโล่, อันเดรส เอร์เรร่า, เลอันโดร ปาเรเดส, มาร์โก แวร์รัตติ, อังเคล ดิ มาเรีย, เนย์มาร์, เมาโร อิคาร์ดี้