เจาะเส้นทางชีวิตลูกหนัง “โรดรีโก” นักเตะบราซิลที่ “ฟลอเรนติโน เปเรซ” ถึงกับดักขอเสื้อ

 

เจาะเส้นทางชีวิตลูกหนัง “โรดรีโก” นักเตะบราซิลที่ “ฟลอเรนติโน เปเรซ” บิ๊กบอสชาวสเปนของ “เรอัล มาดริด” ถึงกับดักขอเสื้อแข่ง

วันที่ 28 มี.ค. 67 ควันหลงหลังเกมที่ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน เปิดสนาม ซานติอาร์โก เบอร์นาบิว เสมอกับ “แซมบ้า” ทีมชาติบราซิล ไปอย่างสนุก ด้วยสกอร์ 3-3 ในเกมอุ่นเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่าสนามดังกล่าวนี้คือรังเหย้าของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่ ลาลีกา สเปน ที่มี ฟลอเรนติโน เปเรซ บิ๊กบอสชาวสเปน เป็นประธานสโมสร

ซึ่งตามปกติแล้ว ฟลอเรนติโน เปเรซ มักจะดูเป็นคนที่น่าเกรงขามและมากล้นไปด้วยบารมี ไม่ค่อยเข้าไปหาและพูดคุยกับใครง่ายๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเตะชาติฝ่ายตรงข้าม ที่ทั้งสเปน และบราซิล ต่างก็เป็นเบอร์ต้นๆ ของวงการลูกหนังโลก ที่ต้องแย่งชิงความสำคัญกันมาตลอดอย่าง มหกรรมฟุตบอลโลก

แต่หลังจากเกมดังกล่าวระหว่าง ทีมชาติสเปน และทีมชาติบราซิล ฟลอเรนติโน เปเรซ ก็เข้ามาพูดคุยและทักทายกับนักเตะที่ถือว่าเป็นลูกน้องของเขาในนามสโมสร อย่าง โรดรีโก โกเอส รวมถึงได้ทำการขอเสื้อแข่งทีมชาติบราซิล หมายเลข 10 ของ โรดรีโก โกเอส ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ซึ่งเบอร์นี้ถือเป็นเบอร์ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของทัพ “เซเลเซา” รวมถึงยังมี วินิซิอุส จูเนียร์ และ เอ็นดริก เฟลิเป อยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น

ทว่าจากประเด็นนี้ที่ทาง ฟลอเรนติเรนติโน เปเรซ ขอเสื้อ โรดรีโก ทำให้หลายคนอยากรู้ที่มาที่ไปของ โรดรีโก ว่า เขามีที่มาที่ไปอย่างไร

สำหรับ โรดรีโก ปัจจุบันอายุ 23 ปี เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2001 ส่วนสูงที่ 174 เซ็นติเมตร เป็นผู้เล่นในตำแหน่งปีก และ กองหน้า โดยเจ้าตัวย้ายจาก ซานโตส ในลีกบราซิล มาสู่ชายคา “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 45 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 1,773 ล้านบาท เมื่อปี 2019 โดยมีสัญญายาวจนถึงปี 2028 เลยทีเดียว โดยที่ตอนนั้นตัวเขาอายุแค่ 17 ปี เท่านั้น

ย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก โรดรีโก ที่มีคุณพ่อเป็นนักเตะในระดับลีกล่างๆของบราซิล เติบโตมาในชนชั้นกลางของ โอซาสโก ทำให้ โรดรีโก ไม่มีตัวเลือกมากนัก ซึ่งโชคดีที่ตัวเขาเลือกเข้าสู่วงการลูกหนัง หากตัวเขาเลือกที่จะปล่อยตัวปล่อยใจไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุต่างๆ อาจทำให้เขาหมดอนาคตไปแล้วก็ได้

ส่วนในแง่ของเส้นทางลูกหนังตัวเขาต้องเจอกับความยากลำบากในแง่ของความกดดันมหาศาลมาตั้งแต่ 12 ปี หลังจากเข้าสู่อคาเดมีของ ซานโตส ตั้งแต่ 10 ขวบ เมื่อตัวเขาถูกตั้งฉายาว่าเป็น “นิว เนมาร์” และการย้ายมายัง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริดในอีก 5 ปีให้หลังมันยิ่งกว่ากดเสียอีก เพราะนี่คือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งของโลกลูกหนัง

ตอนแรกนักเตะ เชื่อว่าตัวเองจะต้องเล่นกับทีมกาสติญา ซึ่งอยู่ในดิวิชั่น 3 ของแดนกระทิงดุเป็นหลัก แต่ทว่าตัวเขาก็ถูก ซีเนดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศสในเวลานั้นดึงขึ้นชุดใหญ่หลังจากที่ เอเดน อาซาร์ด และ ลูกา โยวิช ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างที่ถูกคาดหวัง

เรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อแค่ 93 วินาที ที่ โรดรีโก ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในเกมพบกับ โอซาซูนา ตัวเขาก็ทำประตูได้ทันที ซึ่งนี่คือประตูบานแรกแห่งโอกาสที่ทำให้ตัวเขาแจ้งเกิด ก่อนที่ปัจจุบันนี้จะถือว่าเป็นนักเตะที่โด่งดังในยุคนี้

นั่นทำให้จนถึงตอนนี้ ตัวเขาลงสนามไปแล้ว 206 นัด ทำได้ 50 ประตู 40 แอสซิสต์ คว้าแชมป์สำคัญมาแล้ว ทั้ง ลาลีกา สเปน, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, แชมป์สโมสรโลก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, สแปนิช คัพ รวมถึง สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ก็เก็บมาหมด

ซึ่งจากชอตที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ เข้ามาหาและขอเสื้อเขาหลังจบเกมฟุตบอลอุ่นเครื่องระหว่าง ทีมชาติสเปน กับ ทีมชาติบราซิล สะท้อนให้เห็นว่าตัวเขาเป็นที่รักมากแค่ไหนของบอสใหญ่ที่น่าเกรงขามรายนี้ เพราะไม่ค่อยเขาทำแบบนี้กับใครง่ายๆ และ ยังเป็นนักเตะของชาติคู่ปรับชาติหนึงด้วย

 

ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/2774296