เป่าปากโล่งใจไปหนึ่งเปาะกันเป็นทิวแถบสำหรับ “เลสเตอร์ ซิตี้” หลังเปิดสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม ที่โดนนำไปก่อน แต่เอาชนะ “นกขมิ้นสีเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ 3-1 โดยที่เกมนี้ “เจมี วาร์ดี” ที่ปืนฝืดในนัดก่อน มายิงประตูปิดกล่องให้กับทีมได้สำเร็จ และยังเป็นประตูที่ 16 ของพี่แก ทุกรายการในซีซั่นนี้อีกด้วย
จากชัยชนะดังกล่าวของลูกทีม “เอ็นโซ มาเรสกา” ทำให้พวกเขาแซงจากอันดับ 3 กระโดดพุ่งพรวด กลับขึ้นไปสูดอากาศยังจุดสูงสุดบนตารางอีกครั้ง ทำให้ผลงานโดยภาพรวม 4 นัดหลังสุด ดูดีขึ้นมาบ้าง จากตัวเลข ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 นัด
สถานการณ์ล่าสุด “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ มี 85 คะแนน จากการลงสนาม 39 นัด นำ อิปสวิช ทาวน์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1 และ 2 คะแนน ตามลำดับ จากจำนวนเกมที่เท่ากัน
สเต็ปแรกผ่านแล้วนั่นคือการคว้าชัยชนะเพื่อกลับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอีกครั้ง ต่อมาสเต็ปที่สอง ที่มองกันง่ายๆ เลยคือ ถ้าอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้ ต้องคว้าชัยชนะในอีก 7 เกมสุดท้ายให้ได้ทั้งหมด ซึ่งถ้าทำได้ตามเงื่อนไขนี้ พวกเขาก็จะไม่ต้องไปพะวง หรือ ยืมจมูก ใครให้หายเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่หมายปอง
ทีนี้มาไล่เรียงดูคู่แข่งที่เหลืออยู่ 7 นัดนี้ ปรากฎว่า “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องเจอมีดังนี้
-ทีมอันดับ 22 เบอร์มิงแฮม ซิตี้ (H)
-ทีมอันดับ 17 มิลล์วอลล์ (A)
-ทีมอันดับ 20 พลีมัธ (A)
-ทีมอันดับ 5 เวสบรอมวิช อัลเบียน (H)
-ทีมอันดับ 4 เซาแธมป์ตัน (H)
-ทีมอันดับ 8 เปรสตัน นอร์ธเอนด์ (A)
-ทีมอันดับ 16 แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส (H)
(หมายเหตุ : อันดับบนตารางคะแนน อัปเดตเรียลไทม์ ทันทีที่ เลสเตอร์ฯ เอาชนะ นอริช ซิตี้ 3-1)
มองคร่าวๆ คือ ยอดทีมแห่งชายคา คิง เพาเวอร์ สเตเดียม มีเกมยากๆ 3 นัด คือ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน และ เซาแธมป์ตัน ทีมอันดับ 5 และ อันดับ 4 ซึ่งเป็นทีมในพื้นที่ เพลย์ออฟ อาจรวมถึง เปรสตันฯ ที่กำลังลุ้นทำแต้มเพื่อหวังกระโจนไปอยู่ในพื้นที่เพลย์ออฟให้ได้
ส่วนทีมอย่าง เบอร์มิงแฮมฯ, มิลล์วอลล์, พลีมัธ ตลอดจน แบล็กเบิร์นฯ ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน เพราะบางทีมไม่มีลุ้นอะไรแล้วจึงไม่กดดัน หรือ บางทีต้องเร่งเก้บแต้มเพื่อหนีโซนท้ายตาราง
ตอนนี้เรื่องนอกสนามที่ทีมได้ฟ้องร้องปม “พรีเมียร์ลีก” และ “อีเอฟแอล” ปมถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎทางการเงิน ดูจะเบาบางลงไป นั่นคือผลดีอีกด้วยที่จะทำให้ทีมมีสมาธิและโฟกัสกับเรื่องในสนามเพียงอย่างเดียว
เพื่อเป้าหมายในการเลื่อนชั้นกลับไปยัง “พรีเมียร์ลีก” ในฐานะแชมป์ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้มันส่งผลกระทบจริงๆ กับทีมไม่มากก็น้อย
ที่มา : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premierleague/2775228