โฆเซป บาร์โตเมว ประธาน บาร์เซโลนา และบอร์ดบริหาร ประกาศลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนวันอังคารที่ 27 ตุลาคม ตามคำเรียกร้องของแฟนๆกว่า 20,000 คน ก่อนลงคะแนนไม่ไว้วางใจ ในเดือนพฤศจิกายน
บาร์โตเมว แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ “มันเป็นการไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว สำหรับการตัดสินใจลาออก”
บาร์โตเมว วัย 57 ปี ต้องเจอแรงกดดันมหาศาล ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว เนื่องจากวิกฤติการเงินสโมสร และผลงานอันน่าผิดหวัง โดยเฉพาะเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย พ่าย บาเยิร์น มิวนิก ยับเยิน 2-8 เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
จากนั้น บาร์โตเมว ตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก หลัง ลิโอเนล เมสซี จอมทัพอาร์เจนไตน์ ร้องขอขึ้นบัญชีย้ายสังกัด และกำลังจะถูกโหวตไม่ไว้วางใจ
บาร์โตเมว ซึ่งมารับหน้าที่ต่อจาก ซานโดร โรเซลล์ เมื่อปี 2014 ชี้แจงสาเหตุที่ไม่ยอมสละเก้าอี้ตั้งแต่เนิ่นๆ “สิ่งที่ง่ายสุดหลังความพ่ายแพ้เกม แชมเปียนส์ ลีก คือ ลาออก แต่ยังมีสิ่งที่ต้องตัดสินใจท่ามกลางวิกฤติของโลก ใครจะเป็นคนเกลี้ยกล่อม เมสซี ให้อยู่ต่อ และใครจะแต่งตั้งโค้ชคนใหม่”
เจ้าของรางวัล “บัลลง ดอร์” 6 สมัย แจ้งอย่างเป็นทางการ ขอยกเลิกสัญญา เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนเปลี่ยนใจปักหลักถิ่น คัมป์ นู ต่อไป เนื่องจากไม่ต้องการสู้คดีกับ สโมสรที่ปลุกปั้น บนชั้นศาล
เมสซี กล่าวโจมตี บาร์โตเมว ขณะให้สัมภาษณ์ออกสื่อ เดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งบทบาทผู้นำของ บาร์โตเมว สร้างหายนะแก่สโมสร และการปฏิบัติต่อ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกชาวอุรุกวัย ที่ย้ายไป แอตเลติโก มาดริด
มหาอำนาจลูกหนังแห่งคาตาลัน ปิดซีซันที่แล้วแบบมือเปล่า และเก็บชัยเพียง 2 จาก 5 เกมแรกของฤดูกาล 2020-21 ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน กุนซือชาวดัตช์
